ป้ายกำกับ

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ชวนชิมร้านติดทะเล ซีฟู๊ดบุฟเฟ่ต์เปิดใหม่ย่านลาดพร้าว71

ติดทะเล ซีฟู๊ดบุฟเฟ่ต์
ร้านอาหารทะเลแบบบุฟเฟ่ต์เปิดใหม่ หัวละ 399 บาท รวมน้ำ ไม่จำกัดเวลา ครับ.

- จุดเด่นของร้าน คือ กุ้งเป็นๆ ตัวใหญ่ เป็นหัวมันทุกตัวเลย เติมตลอดไม่อั้น เป็นบ่อให้ตักและมีน้ำแข็งให้น็อคสะดวกมากๆ
- อาหารทะเลอื่นๆ ก็สด อร่อย สมเป็นซีฟู๊ดบุฟเฟ่ต์จริงๆ ชอบปูตัวใหญ่ มีไข่ด้วย
- น้ำมีน้ำอัดลม น้ำสมุนไพร น้ำเปล่า
- น้ำจิ้มรสเด็ดมีให้เลือก 3 รส
- มีอาหารปรุงสุกพร้อมทาน
- มีผลไม้ ของหวาน และไอติม
- สามารถเติมถ่านได้ไม่อั้น (เรียกเติมไป 3 รอบไม่มีบ่น)
- พนักงานบริการดี ค่อยเก็บขยะบนโต๊ะให้ตลอดเวลา ดีมากๆ เคลียร์โต๊ะให้ลูกค้าดีเยี่ยม
- ห้องน้ำสะอาด มีหลายห้อง แยกชายหญิง
- ที่ล้างมือ มีสบู่เหลวล้างมือให้ด้วย ดีงาม
- มีที่จอดรถเยอะ จอดได้ประมาณ 25-30 คันเลย
- ร้านสะอาดสอ้าน โปร่งโล่งสบาย ไม่อึดอัด
เยี่ยมมากเลยครับ..
@นรเดช



location

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เมนูบ้านนา

เมนูบ้านนา 
สะบายดีหมู่เฮาทั้งหลายเด้อครับ ช่วงวันหยุดพักผ่อนหน้าฝนต้นหนาวแบบนี้ 
สำหรับไผที่วางแผนจะเดินทางไปเยือนอีสานบ้านเฮา

ต้องบ่อพลาดชิมอาหารพื้นบ้านของคนอีสาน ที่มีความแซ่บนัว (อร่อยมากๆ) รสชาติจัดว่าเด็ด แถมเป็นอาหารพื้นบ้านอีสานแท้ๆ ถ้าพร้อมแล้วเฮามาเบิ่งเมนูบ้านนา กันเลยครับผม..

 ชุปหมากเขือปิ้งปลาดุกน้อย แช่บๆ..



 ปิ้งเขียด

  ก้อยไข่มดแดง

 ผัดเผ็ดแมงจิหล่อ (จิดป่ม)

 ขั้วตักกระแตนนา

ปี้งกบแห้ง

 ปิ้งปูนา

 เห็ดละโง่กพร้อแกง

ปี้งกบนา




 แมงขี้นุน


 ปี้งปลาต้อน

 ก้อยหอยขม


 อันนี้เด็ด ลวกฮวกเอาไปหมกฮวก 55 (ลูกออด)

 ตำบักฮุ่ง



แกงหอยขม

เห็นแล้วมีแต่แนวเป็นตาแช่บอี่หลีอ้อหรอ 
อดบ่อไหวแล้วเดี้ไปหากินก่อน ...

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2561

ก้อยปลาซิว

ก้อยปลาซิว


ชื่อภาษาประกิต Direction of Chilly
ชื่อพื้นบ้าน ก้อยปลาซิว

ปลาซิว เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก หาเลาะกิน "ขี้ตะหลืนน้ำ" พบได้ตามแม่น้ำลำคลองทั่วไป
เปรียบเสมือนคนอีสานเฮานี้หละ หากินถั่ว ( ถั่วทีบ ถั่วแดน ) ไผว่าปลาซิวสกปรก ให้พิจารณา
คนคดโกงกินงบประมาณหลวง โกงกินประเทศชาติ คิดว่าเขาสะอาดแล้วให้ ยอมือใส่เขาโลดอีพ่อ
นั้นหละสิพาให้บ้านเมืองล่มจม

เกริ่นนำ
ก้อยปลาซิวเป็นอาหารอีสาน-ชาวลาว พื้นบ้านทั่วไป คนอีสานและชาวลาว
เสพรสชาตินี้ มาตั้งแต่ บรรพกาล สมัยเฮายังเป็นลมเป็นแล้งอยู่  การกินก้อยปลาซิว
สมัยก่อนโน้น เขาจะทำกินก็ต่อเมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง น้ำแห้งขอด ในฤดูน้ำหลากหรือฤดูฝนนั้น
แม้จะมีปลาชนิดนี้มากมาย เขาจะเอาไปทำอย่างอื่น เช่น ออแร่งสะมอนฟิช ( ส้มปลาน้อย )
ปลาแดกน้อย อุปลาซิว หมกปลาซิว แกงปลาซิว เอาะปลาซิว เป็นต้น ซึ่งต้องผ่านไฟ
หรือไม่ก็ หมักดอง เสียก่อนจึงนำมากิน
เพราะคนโบราณเขารู้ว่า ในฤดูน้ำหลาก หรือ ฤดูฝน ปลามันหากินไปทั่วตามสายน้ำ ทำให้มีพยาธิ
เรียกว่า " แม่พยาธิ"
การทำก้อยปลาซิว เป็นการกินปลาดิบจะกินในฤดูแล้ง น้ำแห้งขอดแล้ว ส่วนมากกินในห้วงเดือน
พ.ย.- ก.พ. พวกที่กินก้อยปลาซิวหน้าฝน คือ พวก "สะลื่น" ลืนควมผู้เฒ่า จึงเกิดโรคภัย


วัตถุดิบ ( ดิบอีหลี)
1.ปลาซิวข่อน ( ห้วงเดือน พ.ย. - ม.ค. )
2. ห่อเดียวหลายหัว (ฮังมดส้ม )
3.บักเผ็ดแห้งป่น
4.ลูกโดดซอยห่าง ( บักเผ็ดดิบ)
5.ข้าวคั่ว
7.ปลาแดกอีสาน
8.ผักหอมเป
9.ผักบั่ว
10.บักนาว
12 น้ำปลา กาหน่อไม้ หรือ กาสิงห์ 
11. เกลือสินเธาว์ ต้มจากดินเอียด
12.บักสองซาว ( 40 หนองคาย )

องค์ประกอบ ในการหาการหาวัตถุดิบ 

1. แหย่ง ( ดางเขียว )
2.ห้วยหนอง ที่น้ำขอด โกนห้วย หรือ หนองสระ กุด และแม่น้ำในหน้าแล้ง
3. กะคุ ( คุงถัง กาละมัง ปี๊ปฮ้าง )
4.แดดพวมงาย สายลมกำลังห่าว
เมื่อครบองค์ประกอบแล้ว ก็พาไปหาแหล่งน้ำอีสานในหน้าแล้งได้เลย   มองหาแหล่งปลาซิว
จัดการ "ล่องแหย่ง" หรือ "ลากดางเขียว" เพื่อต้อนปลาซิวมาตุ้ม มาโฮมกัน 
จากนั้นก็เลือกเฟ้นเอาแต่ปลาซิว คัดเอา "ขี่เหยื่อ" ออก ล้างน้ำให้สะอาดปราศจากฮากไม้
ก็จะได้ปลาซิววัตถุดิบชั้นเลิศ จากดินแดนที่ราบสูง ระหว่างเดินทางกลับ ก็ให้แหงนหน้ามองกกไม้
แนมหา วัตถุดิบชั้นสูงจากยอดไม้ นั้นคือ "ฮังมดแดง" บางบ้านก็เรียก " ฮังมดส้ม" พะนะ


วิธีทำ
1. คัดเอาปลาซิวลงใส่ลาละมัง
2.ล้างน้ำให้สะอาด 2 - 3 น้ำ
3. ไส้ขี้ ปลาซิว ( บางคนบอกบ่ต้องไส้ขี้ เสียรสชาติ พะนะ )
3. เทฮวด บัก 2 ซาว ลงคอ แก้คาว
4.ริน ไวน์ขาวอีสานลงใส่ปลาซิว 1กั๊ก ( ฆ่าเชื้อโรค)
5.เอาเกลือโรย 1 ช้อนชา
6. ซาว หรือ โคเลให้เข้ากัน
7. บีบ บักนาว ( มะนาวลง 3 ลูก )
8. คะลนให้เข้าเนื้อปลา
9. โข๊ะ (ขั๊วะ) ฮังมดแดง ให้มดแดงกัดเนื้อปลา จนปล่อยกรดสารส้ม อ่ามหล่าม
10 คนและซาว ให้มดแดงผสมกับปลาซิว
11 เอาข้าวคั่วกับพริกแห้งป่น ลงผสม
12 เติมน้ำปลา และ ปลาแดกลงไปปรุงรสตามชอบ
13. นำ ลูกโดดที่ซอยไว้ ลงไปคลุกเค้าพร้อม ผักเครื่องหอมต่างๆ
หากต้องการกินสุก เช่นมีเด็กน้อยกินนำ มีพุสาว กกขาขาวฮาวสูบ ( สูบตีเหล็ก ) กินด้วยก็ให้แบ่งไปคั่วให้สุก
สำหรับพวกนิยม รสชาติ ออริจิน่อน ก็ กินก้อยปลาซิวดิบๆ นั้นหละ



การเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตอีสาน
การทำก้อยปลาซิว หรือ อนุมัจฉา วารีถด นิยมทำกินกันเป็นหมู่คณะ ทำกินกันในฤดูเกี่ยวข้าว
ฤดูนวดข้าว ล้อมวงกันกินเป็นทิพย์รส แห่งแผ่นดินที่เรียบง่าย โบราณว่า
 "น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา"
นั่นคือการเปรียบเทียบ ฤดูกาล กับโอกาส หากจะพูดในเชิงวิทยาศาสตร์ คือ มิติที่ 4 ( เวลา ) นี่เอง
คนอีสานคือนักสู้ที่ทรหด ท่ามกลางฤดูกาลอันโหดร้ายแห้งแล้ง จึงอาศัยมิติที่ 4 กินทั้งปลาและมดพร้อมกัน
รสชาติที่แท้จริง คือ มิตรภาพและความอบอุ่น เรียบง่ายและเป็นจริงตามธรรมชาติ
คนอีสานอาศัยเมนูนี้ หลุดพ้นจากบ่วงบาศความหิวทุกข์ยากของสังขารมานานนับหลายพันปี
ในขณะที่ไม่มี เวทีที่ใดที่เสนอเมนูนี้ต่อชาวโลก ให้ได้ชื่นชม หลุดพ้นจาก โซ่ตรวนทุนนิยม สู่เสรี


ภาพประกอบทั้งหมด จากอินเตอร์เน็ต เจตนาเพื่อวิทยาทาน แด่บุคคลทั่วไป หาได้จงใจละเมิดเพื่อประโยชน์ตน


Cr:http://www.isan.clubs.chula.ac.th/food_sara/index.php?transaction=food_1.php&id_m=28289

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561

หมกปลาลูกคอก


มีของกินมาฝากอีกแล้วละจ้าพี่น้อง แนวถนัด 
พอดีว่าฝากแม่ค้าขายปิ้งไก่เจ้าประจำเผิ่นซื้อปลาลูกคอกมาให้ แนวได้ยินเผิ่นว่าถุงละ30บาท
ได้หลายยุได๋ไคก่อจะไปซื้อขีดละ25บาทในตลาด กะเลยฝากเผิ่นซื้อพร้อมกับเห็ดนางฟ้าถุงใหย่ถุงละ 60 บาท
ฝากเผิ่นซื้อให้ยุหน้าฟาร์มเห็ดเจ้าประจำของเผิ่น จ้า
คึดอยากกินหมกปลาลูกคอก หลายมื้อละวางแผนล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ 
ฮ่าๆตั้งแต่เริ่มขอใบตองนำแม่ค้าเผิ่น เผิ่นกะใจดีๆ ตัดมาฝากให้แบบบ่คิดตังก์ ฟรีจ้า
30 บาทกะไดหลายคือเผิ่นว่ายุจ้า ล้างน้ำดีๆให้สะอาด

แล้วกะตำเครื่องแกงใส่ มี พริก กะเทียม เกลือ ลำข่า และ บักขามน้อย 

เนื่องจากว่าตะไคร้บ่มีกะเลยตัดลำข่ามาตำใส่แทนคาดว่าจะแทนกันได้ยุจ้า อิอิ 

ใส่บักขามน้อยแทน จากนั้นกะปรุงใช้วิธีกะหรือความรู้สึกคึดว่าน่าจะพอดีแซบ ใส่ชูรส น้ำปลาร้า ใบผักตู่ 

นอกจากนี้กะยังมีเห็ดนางฟ้าดอกน้อยๆเอามาฉีกเป็นชิ้นน้อยๆ แล้วกะคนให้เข้ากัน

จากนั้นกะเอาใบตองมาห่อ


ห่อได้ 5 ห่อ พอดีเป๊ะ อิอิ บ่ได้ห่อใบตองดนรูปทรงอาจจะสวย




วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2561

5 ยี่ห้อน้ำหวานเข้มข้นที่ได้รับความนิยม

5 ยี่ห้อน้ำหวานเข้มข้นที่ได้รับความนิยม

1. Hale's Blue Boy น้ำหวานเข้มข้นเฮลซ์บลูบอย เราคงต้องบอกว่าเป็นยี่ห้อน้ำหวานในตำนาน ซึ่งอยู่คู่บ้านคู่ครัวคนไทยมาช้านาน และเป็นยี่ห้อน้ำหวานที่แทบทุกคนต้องเคยลิ้มรส ปัจจุบันมีรสชาติหลากหลายถึง 9 กลิ่นด้วยกัน กลิ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ได้แก่ กลิ่นสละ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนำไปทำเมนูนมชมพู หวานเย็น อิตาเลี่ยนโซดา หรือน้ำแข็งใส เป็นต้น และอีกกลิ่นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ได้แก่ กลิ่นครีมโซดา ซึ่งส่วนใหญ่นิยมนำไปทำอิตาเลี่ยนโซดา




2. Taichi Foods เป็นน้ำสควอชเข้มข้น หรืออีกความหมายหนึ่งคือน้ำหวานเข้มข้นที่มีการผสมเนื้อผลไม้ ไทชิฟู้ดส์เป็นยี่ห้อน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดน้ำหวานเข้มข้นมาได้ไม่นานนัก แต่ด้วยความที่ผลิตภัณฑ์มีรสชาติกลมกล่อมทั้งความหวานและความเปรี้ยวซึ่งสามารถนำไปชงหรือทำเครื่องดื่มได้โดยไม่ตรงเติมน้ำเชื่อมหรือมะนาว จึงทำให้ยี่ห้อ ไทชิ ฟู้ดส์ ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมี 18 รส และรสที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ลิ่นจี้ แอปเปิ้ลเขียว ส้ม สับปะรด นอกจากนี้ไทชิฟู้ดส์ยังมีรสชาติพิเศษที่ขายดีมากเนื่องจากเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียว ได้แก่ รสน้ำผึ้งมะนาว และแดงโซดา


3. Dingfong ติ่งฟง เป็นน้ำสควอชเข้มข้นเช่นเดียวกันกับไทชิ แต่ติ่งฟงถือเป็นยี่ห้อที่อยู่ในตลาดมาอย่างยาวยานอีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตน้ำสควอชเข้มข้นรายแรกๆ ของตลาดน้ำสควอชเข้มข้น ปัจจุบันมีรสชาติมากถึง 30 รสชาติด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิเช่น ผงชง มุก เป็นต้น



4. Monin ออกเสียงโมแนง เนื่องจากเป็นภาษาฝรั่งเศษ แต่ในบางครั้งมีการเรียกโมนิน (ซึ่งเกิดจากการอ่านเป็นภาษาอังกฤษ) ยี่ห้อโมแนงเป็นไซรัประดับพรีเมี่ยม นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางอย่างร้านอาหารและโรงแรม โดยเฉพาะในร้านกาแฟคาเฟ่ ผลิตภัณฑ์ของโมแนงจะมีความพิเศษในเรื่องของความหอมละมุน โดยนิยมนำไปใช้ในการชงชากาแฟ อิตาเลี่ยนโซดา หรือม็อคเทล


5. Davinci gourmet ยี่ห้อดาวินชี่เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำหวานเข้มข้นหรือไซรัป ดาวินชี่จัดเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางอย่างร้านอาหารและโรงแรม โดยเฉพาะในร้านกาแฟคาเฟ่ ซึ่งคล้ายกับยี่ห้อ Monin ซึ่งนิยมนำไปใช้ในการชงชากาแฟ อิตาเลี่ยนโซดา หรือม็อคเทล เช่นกัน



Cr: www.taichifoods.com

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

1ประโยยชน์ของแชลม่อนเพื่อสุขภาพ

ประโยยชน์ของแชลม่อนเพื่อสุขภาพ

อยากรู้จังว่าจะมีใครที่ไม่ชอบกินปลาแซลมอนบ้างมั้ย เพราะตั้งแต่ปลาเนื้อสีส้มลายสวยชนิดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทย หลาย ๆ คนก็ติดใจในรสชาติหวาน อร่อย กินง่ายของปลาชนิดนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่รู้รึป่าวว่าปลาแซลมอนไม่ได้มีดีแค่ความอร่อย แต่ยังเต็มไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลย

1. ช่วยรักษาโรคข้อกระดูกอักเสบ
ใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องข้อกระดูกอักเสบหรือกระดูกไม่ค่อยแข็งแรงต้องกินปลาแซลมอนเลย เพราะปลาแซลมอนนั้นมีส่วนช่วยในการรักษาโรคข้อกระดูกอักเสบและอาการอักเสบของข้อต่อต่าง ๆ ได้ดี เพราะมีไบโอแอคทีฟแปปไทด์ซึ่งมีกรดโปรตีนอย่างแคลซิโทนินที่มีส่วนช่วยเพิ่มและสร้างความสมดุลย์ของการสังเคราะห์คอลลาเจนในกระดูกอ่อนของเรา นอกจากนั้นโปรตีนที่พบในปลาแซลมอนยังช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมูลกระดูกและความแข็งแรงของกระดูกด้วย

2. ลดความเสี่ยงของอาการซึมเศร้า

รู้หรือไม่ว่าสมองของเรามีไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญอยู่ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นโอเมก้า 3 ที่ช่วยเสริมการทำงานของสมองและระบบประสาท นอกจากนั้นการรับประทานปลาแซลมอนเป็นประจำนั้นยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงและการเกิดอาการซึมเศร้า ภาวะเครียดในวัยหนุ่มสาว และภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้ ใครที่กำลังประสบปัญหานี้เราแนะนำให้กินปลาแซลมอนเป็นประจำเลย

3. เสริมการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจ

อย่างที่บอกไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าปลาแซลมอนนั้นอุดมไปด้วยโอเมก้า 3, EPA และ DHA ซึ่งมีประโยชน์ต่อหลอดเลือดและหัวใจมาก เช่น ช่วยลดการอักเสบ หากรับประทานปลาแซลมอน 2 - 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ อย่างอาการหัวใจวาย สโตรก หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง และไตรกลีซอไรด์ในเลือดสูงได้

4. ช่วยพัฒนาสมองทารกในครรภ์

คุณแม่คนไหนที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมลูกสามารถกินปลาแซลมอนเพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ของลูกน้อยได้ เพราะปลาแซลมอนนั้นอุดมไปด้วย DHA (Decosahexaenoic acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่เป็นพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตา ยิ่งกว่านั้น การให้เด็ก ๆ วัยก่อนเข้าเรียนได้รับประทานปลาแซลมอนเยอะ ๆ ยังช่วยป้องกันโรคสมาธิสั้น (ADHD) และยังช่วยส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ อีกด้วย

5. มีวิตามินดีสูง

รู้มั้ยว่าการได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอนั้นจะช่วยให้สุขภาพของเราแข็งแรง หากร่างกายขาดวิตามินดีไปอาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปลอกประสาทอักเสบ โรคข้อรูมาตอยด์ และโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ หากอยากลดความเสี่ยงของโรคพวกนี้ ลองรับประทานปลาแซลมอนดู เพราะปลาแซลมอนเพียง 1 กระป๋องนั้นมีวิตามินดีเพียงพอต่อวันแล้ว

6. ช่วยให้วิตามินในผักสดทำงานได้ดีขึ้น

ใครชอบกินผักต้องกินปลาแซลมอนด้วยนะ เพราะโปรตีน วิตามินบีต่าง ๆ และกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปลาแซลมอนช่วยส่งเสริมให้สารแอนตี้ออกซิแดนท์และวิตามินซีในผักต่าง ๆ อย่างผักโขมและคะน้าทำงานได้ดีขึ้น

7. ป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพ

นอกจากจะมีวิตามินหลากหลายชนิดและโปรตีนสูงแล้ว ปลาแซลมอนยังเป็นอุดมไปด้วยซีลีเนียมซึ่งเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่ช่วยต่อต่านอนุมูลอิสระในร่างกายของเรา ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดข้ออักเสบ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันและไทรอยด์ให้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันเซลล์เสื่อสภาพ ทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ แข็งแรง

วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ต้มแซ่บกระดูกอ่อน

ต้มแซ่บกระดูกอ่อน

ลองมาแซ่บกันในแบบอาหารอีสานประเภทต้ม ๆ กันดูบ้าง กับเมนูต้มแซ่บกระดูกอ่อน กัดกรุบ ๆ ซดน้ำแซ่บ ๆ นึกถึงทีไรเป็นต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ! ถ้าพร้อมจะแซ่บแล้ว ก็ตามมาดูวิธีทำกัน

ส่วนผสม ต้มแซ่บกระดูกอ่อน

• น้ำ 500 มิลลิลิตร
• ข่าแก่หั่นแว่น 5 ชิ้น
• ตะไคร้หั่นเฉียง 1 ต้น
• ใบมะกรูด ฉีกก้านกลาง 3 ใบ
• กระดูกอ่อนหมูหั่นเป็นชิ้น ๆ 200 กรัม
• เห็ดฟางผ่าครึ่ง 100 กรัม
• มะเขือเทศราชินีผ่าครึ่ง 50 กรัม
• หอมแดงซอยบาง 1 หัว
• น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• พริกป่น ปริมาณตามความชอบ
• ใบโหระพา 10 ใบ
• ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำต้มแซ่บกระดูกอ่อน

1. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดลงต้มจนเดือดอีกครั้ง
2. ใส่กระดูกอ่อนหมูลงต้มจนสุก ใส่เห็ดฟาง มะเขือเทศ และหอมแดงซอยลงต้ม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลทราย คนผสมจนเข้ากันดี ยกลงจากเตา ตักใส่ชาม เติมน้ำมะนาว พริกป่น และผักชีฝรั่ง ชิมรสตามชอบ โรยด้วยใบโหระพา พร้อมเสิร์ฟ

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

"ต้มไก่บ้านใส่ใบมะขามอ่อน" ซดน้ำร้อนๆอร่อยโล่งคอ

"ต้มไก่บ้านใส่ใบมะขามอ่อน" 
ซดน้ำร้อนๆอร่อยโล่งคอ


ชามนี้ต้องอร่อยถูกปากถูกคอหลายๆคนแน่นอนกับสูตร"ต้มไก่บ้านใส่ใบมะขามอ่อนซดน้ำร้อนๆอร่อยโล่งคอ"เนื้อไก่บ้านที่เหนียวนุ่มอร่อย เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดกับใบมะขามอ่อนปรุสรสด้วยวัตถุดิบต่างๆอร่อยจัดจ้านกันเลยทีเดียวพร้อมแล้วเราไปเริ่มกันเลยดีกว่าคะ
วัตถุดิบ

1.ไก่บ้าน1ตัวหรือตามต้องการ
2.ข่าหั่นแว่น3ท่อน
3.ตะไคร้หั่นท่อนแล้วทุบ 4-5ต้น
4.ใบมะกรูดฉีกฝอยๆ10-15ใบ
5.หอมแดงคั่วทุบ6หัว
6.ใบมะขามอ่อนตามต้องการ
7.เกลือ1ช้อนชา
8.น้ำปลา2ช้อนโต๊ะ
9.มะนาว2ลูก
10.พริกขี้หนูแห้งคั่ว
11.ต้นหอม4ต้นหั่นเป็นท่อน
12.ผักชี4ต้นหั่นเป็นท่อน
13.น้ำ3-4ถ้วยตวง


วิธีการทำ
1.ล้างไก่ให้สะอาดตับ,ไต,ไส้,พุงสับเป็นชิ้นพอคำแล้วน้ำลูกมะนาวมาหั่นคั้นเอาแต่น้ำคลุกไก่กับเกลือและน้ำมะนาวเข้าด้วยกันพักไว้รอใส่หม้อพยายามอย่าให้น้ำมะนาวที่คลุกไก่เปรี้ยวจนเกินไป
2.ใส่น้ำและนำหม้อไปตั้งไฟใส่ตะไคร้ที่ทุบใว้จะได้น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ใส่ข่าและใบมะกรูดที่เตรียมไว้ใส่หอมแดง,ใส่พริกลงไปหยอดเกลือลงเพื่อเพิ่มความนัวของรสชาติ
3.รอจนกว่าต้มน้ำจนเดือดจัดค่อยใส่ไก่ลงไปจากนั้นหรี่ไฟลงแล้วให้ใช้ไฟกลาง
4.พยายามตักฟองอากาศทิ้งไปซึ่งจะเป็นสาเหตุให้น้ำต้มไก่ไม่อร่อยและขุ่นจนเกินไป
5.เมื่อไก่สุกดีแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลาแล้วค่อยใส่ใบมะขามอ่อนต้นหอมที่หั่นและผักชีลงไปพอใบมะขามอ่อน,ต้นหอม,ผักชีเริ่มยุบตัวชิมรสชาติดูใส่พริกขี้หนูเสร็จแล้วเสิร์ฟรับประทานกับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวแซ่บอร่อยสุดๆคะ


***เคล็ด(ไม่)ลับ

อย่าใส่ไก่พร้อมกันทีเดียวให้ค่อยๆทยอยใส่หลังน้ำเดือนจัด
จะได้ไม่มีกลิ่นคาวไก่คะ

วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

อาหารบ้านนาข้อย ลาบเทา

ชื่อภาษาอังกฤษ Passion Spirogyra
ชื่อภาษาไทย ง้วนนที รสทิพย์
ชื่อพื้นเมืองอีสาน ลาบเทา

ลาบเทา

ลาบเทาเป็นอาหารพื้นเมืองที่ กลั่นกรองออกมาจากภูมิปัญญา คนอีสานแต่กาลโพ้น
เทา ก็คือ สาหร่ายน้ำจืด
สาหร่ายเป็นสิ่งมีชีวิตมีคู่กับโลกเฮามานานมาก “ในสมัยพุทธกาลเรียกเทาว่า “กระบิดิน”
เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญมากของมนุษยชาติ และเป็นแหล่งอาหารคุณภาพสูงของผู้คนทั้งหลาย
จึงนำมาบริโภคกันในหลายรูปแบบประเทศที่มีการบริโภคสาหร่ายอย่างแพร่หลายคือ จีน และญี่ปุ่น ส่วนประเทศอื่นก็มีการบริโภคกันบ้างแม้แต่ไทอีสาน และ ไทภาคเหนือของเฮา แต่สาหร่ายที่นิยมจะเป็นชนิดที่แตกต่างกันไปตามที่มีอยู่ในท้องถิ่น 

เทาคือ
Spirogyra สไปโรไจรา เป็นสาหร่ายที่ชอบขึ้นในน้ำจืดที่สะอาดทั้งน้ำนิ่ง และน้ำไหลเอื่อยๆ มีสีเขียวเป็นเส้นกลมยาวขนาดเล็กพันกันเป็นเกลียวนิ่มลื่นมือพบได้ในแหล่งน้ำภาคเหนือและอิสานเรียกสาหร่ายชนิดนี้ว่า เทา หรือผักไกนิยมนำมาบริโภคในรูปผักจิ้มน้ำพริก ทำลาบ และมีรายงานว่าเป็นสาหร่ายที่นิยมบริโภคในประเทศพะม่า เวียตนามและอินเดียด้วย
เห็นบ่ คนวัฒนธรรมอื่นเขากะกิน เทาคือกัน มันต้องมีดีหละเขาจั่งกินกัน


ประโยชน์ของ เทา นอกเหนือจากเป็นอาหาร คือ

ใช้เป็นปุ๋ยชีวภาพ จากการวิจัยของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
พบว่าสาหร่ายสีเขียวในนาข้าวบางชนิดสามารถตรึงไนโตรเจนในอากาศให้เป็นสารประกอบไนโตรเจน เช่น แอมโมเนียม
ทำให้ข้าวเจริญเติบโต ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ Anabaena sp. และ Nostoc sp.
(เอาหละหว่าหนทางรอด สำรับเกษตรอินทรีย์ชาวนาไทย ลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ เพราะนำเทา มาปล่อยตามทุ่งนา
ธรรมชาติบำบัด ลดต้นทุน ทิ้งห่างเวียดนาม ชนิดไง่ง่อง)
สังเกต นาข้าวไผงามดินดี มักจะมีเทาขึ้นตามไฮ่นา รับรองข้าวงาม ซ้างเหยียบตอเฟียงบ่ล้ม คนโบราณว่า


วิธีทำ
 1 ไปหา ทาวเอาเทา ตามห้วยหนองคลองบึง ไฮ่นา ควรเลือกแหล่งน้ำที่สะอาด เชื่อใจได้
เทาจะเกิดก็ต่อเมื่อ มีอุณหภูมิและช่วงเวลาที่เหมาะสม ปีหนึ่ง มักจะเกิดแค่ 2 ครั้ง
คือ ช่วงข้าวเขียว (กลางฤดูฝน ) และ ในฤดูหนาว
2 นำเทามาล้างน้ำหลายๆครั้ง จนได้เนื้อเทาที่สะอาด สีเขียวมรกต
3 ต้มน้ำฮ้อนๆ มาลวกเทา แล้วเทน้ำทิ้ง ลวกใหม่อีกครั้ง ทำประมาณ 3 ครั้ง ฆ่าแม่พยาธิ
4 นำปลาป่นมากวนลงไปให้เข้ากัน แล้ว เทเครื่องปรุง เช่น ข้าวคั่ว พริกป่น ลงปรุงรส ด้วยน้ำปลาแดก
ข้อควรระวังในขณะ เทข้าวคั่วกับพริกป่นลงปรุง อาจเกิดอาการ “แฮดดัง” จนต้องจาม
หากจะ จาม ต้องหันหน้า ออกจากกาละมังลาบเทา ขณะจามแทนที่จะ เปล่งเสียง ฮัดเช้ย !
ให้อุทานจามคำว่า “ ฮี้.....ส๊วด! “ แทน มันเป็นคาถา
5 เอาผักหอมต่างๆ (หั่นแล้ว) ลงกวนให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ ยกลงมาปันกัน ซูด
คันบ่แซบกะ ขุ ผงนัว ลงจั๊กหน่อย อย่าลืมแบ่งแม่ใหญ่ต้อย ผู้เลาป้อยผัวเป็น

ส่วนอันนี้ สำหรับเพิ่มรสชาติ สำหรับ วัยรุ่น กินกับ ลาบเทา